ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา หลังจากที่ได้ไปรับ order จากบริษัทลูกค้าแห่งหนึ่ง จากข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้รับมา ประกอบกับบรรยากาศในองค์กร หลังจากที่ผมได้ไปสังเกการณ์ทั้งอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ผมพบว่าบรรยากาศในการทำงาน มันช่างคล้ายคลึงกับหนังสือเล่มหนึ่งเหลือเกิน
หนังสือเล่มนั้นชื่อ Fish วันนีก็เลยอยากเอากลับมาเล่าให้พวกเราได้อ่านกัน ลองดูนะครับ ก่อนอื่นให้เราลองหลับตามนึกภาพตลาดปลาแถวมหาชัย บ้านเราดู ว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานจะเป็นเช่นไร แน่นอนว่าท่านก็คงคิดไม่ต่างไปจากผมใช่ไหมครับ ว่าการทำงานท่ามกลามกลิ่นคาวปลา น้ำเฉอะแฉะเจิ่งนอง เสียงตะโกนโหวกเหวก ช่างเป็นการทำงานที่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย แต่บรรยากาศดังที่บรรยายมาข้างต้น กลับกลายเป็นคนละเรื่องกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ตลาดปลาชื่อ Pike Place Fish Market เมือง Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา บรรยากาศจะเป็นอย่างไร ลองติดตามกันดู
ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ตลาดปลาครับ หนังสือเรื่องนี้จุดเริ่มต้นจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Marry เธอย้ายมาทำงานที่ Seattle ได้่ถึง 2 ปีดีนัก สามีก็มาตายจากไป ทิ้งไว้เพียงลูกน้อย 2 คน Marry ทำงานที่บริษัทประกันแห่งหนึ่ง มีความก้าวหน้าในอาชีพตามลำดับ วันหนึ่ง Marry ถูกย้ายไปทำงานที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นบนชั้น 3 ของตึก ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่า มีการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ เชื่องช้า อืดอาดไร้ชีวิตชีวา ฯลฯ Marry พยายามหาหนทางในการแก้ไข สิ่งที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนของหน่วยงานนี้ แต่ก็คิดไม่ออกมองไปก็ไม่เห็นทาง
จนวันหนึ่งในระหว่างที่เธอพักเที่ยง Marry ก็ได้หลงทางเข้าไปตลาดปลาแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Pike Place Fish Marry รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นต่อหน้า ผู้คนมากมายส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ทั้งพนักงาน ลูกค้า หรือแม้แต่นักท่องเที่ยว คนขายปลาโยนปลาไปให้พนักงานคิดเงินที่อยู่ไกลออกไป มีการพูดจาหยอกล้อ ขำขันกันอยู่ตลอด ไกลออกไปคนงานกำลังหยิบปลาขึ้นมาขยับเหงือกหยอกล้อเด็กให้หัวเราะ คนขายอีกคนตะโกนไล่ถามผู้คนว่ามีใครสงสัยเรื่องปลาบ้างไหม อีกคนดูเหมือนกำลังคุยกับปลา อีกคนกำลังโยนปูขึ้นไปในอากาศ และเอากล่องรับ ฯลฯ ทุกอย่างดูวุ่นวายสนุกสนาน และที่สำคัญ ทุกคนที่ทำงานในตลาดนี้สนุกกับงานที่ดูแสนจะน่าเบื่อหน่ายหัวเราะต่อกระซิกเย้าแหย่กันตลอดเวลา และความรู้สึกสนุกนี้ก็ติดเชื้อลามไปถึงคนซื้อและคนที่เข้ามาเยี่ยมชมด้วย ไม่ว่าใครที่เข้ามาในตลาดดูจะรู้สึกสนุกสนานด้วยกันทั้งนั้นขณะที่เธองุนงงอยู่ก็มีหนุ่มคนหนึ่งที่ทำงานที่ตลาดเดินมาถามเธอว่า สงสัยอะไรเกี่ยวกับตลาดนี้บ้างไหม่
และจากจุดนี้ก็เป็นจุดเดินเรื่องของคำอธิบายเกี่ยวกับตลาดโดยหนุ่มที่มีชื่อว่า LONNIE MARY เริ่มสนิทสนมกับ LONNIE มากขึ้นเมื่อไปตลาดอีกหลายครั้งเพื่อปรับทุกข์เรื่องงานบนชั้น 3 และวิธีการทำงานของตลาด LONNIE อธิบายว่า (ราวกับเป็นศาสตราจารย์ด้านการบริหารมากกว่าเป็นคนขายปลา) ในการทำงานนั้นมนุษย์ทุกคนมีทางเลือกเสมอถึงแม้ว่าจะไม่มีทางเลือกงานได้มากนักก็ตาม ซึ่งทางเลือกนั้นก็คือการเลือกที่จะนำทัศนคติมายังที่ทำงาน ถ้านำทัศนคติอย่างหนึ่งมาที่ทำงาน ก็จะได้ผลงานอย่างหนึ่ง ทุกๆ วันพวกเราที่ตลาดปลาแห่งนี้ตัดสินใจที่จะนำทัศนคติว่างานเป็นสิ่งที่รื่นรมย์มาที่ทำงาน ถึงแม้เราจะเลือกงานไม่ได้ แต่เราก็เลือกทัศนคติในการทำงานได้ ซึ่งเราก็ได้เลือกที่จะสร้างสรรค์ทำงานของเราให้เป็นที่ๆ น่าอยู่ และเลือกที่จะทำงานอย่างสนุก และทัศนคติ (ATTITUDE) นี่แหละคือหัวใจสำคัญ ของการทำงานที่ตลาดเรา
เมื่อ MARY ได้ไอเดียนี้มา เธอก็เริ่มดำเนินการกับหน่วยงานของเธอ ด้วยการบอกเล่าและโน้มน้าว และร่วมขอความเห็นเพื่อกระตุ้นให้เกิดความคิดที่จะเลือกสร้างทัศนคติในการทำงาน และชักชวนให้ลูกน้องไปเยี่ยมชมตลาดด้วย LONNIE ได้เฉลยต่อมาว่าปัจจัยตัวที่สองของความสำเร็จก็คือ PLAY หรือการเล่นซึ่งมิได้หมายถึงการเล่นอย่างไร้ความหมาย หากแต่ว่าจริงจังกับงาน แต่ก็สามารถเล่นสนุกไปในเวลาเดียวกันได้ในการทำงาน เช่น โยนปลา พูดจาสนุกสนาน ชวนให้ลูกค้าลงมาช่วยบรรจุปลาลงถังด้วยจัดเกมส์ให้ลูกค้าร่วมเล่น เช่น แข่งขันโยนปลา ลดราคาเป็นรางวัล ฯลฯ ส่วนปัจจัยที่สามก็คือ MAKE THEIR DAY (ให้เป็นวันแห่งการจดจำ) ทำให้ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวจำวันที่มาตลาดแห่งนี้ได้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ซึ่งการเล่นสนุก การให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เช่น เข้าไปในห้องเย็นเอาสวิงตักปลาในถัง ทำความสะอาดปลา เอามือล้วงเข้าไปในท้องปลาตัวใหญ่ ฯลฯ การพยายามให้ลูกค้าเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยกับงานของตลาดอย่างสนุกสนานจะทำให้มีความรู้สึกที่ดี กับตลาดไปตลอด ปัจจัยตัวสุดท้ายก็คือ BE PRESENT ("อยู่" กับลูกค้า) ซึ่งหมายถึงการให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อสิ่งที่ตนเกี่ยวข้องอยู่ เช่น ให้ความสนใจแก่ลูกค้าอย่างจริงจัง "อยู่" กับลูกค้าโดยไม่ละทิ้งหรือเหม่อลอย ร่วมกิจกรรมกับลูกค้า ทั้ง 4 ปัจจัยนี้เมื่อรวมกันแล้วผู้เขียนเรียกว่า ปรัชญาปลา (FISH PHILOSOPHY) หนังสือจบลงด้วย MARY ได้รับรางวัลจากบริษัท ในการสร้างให้ชั้น 3 เป็นหน่วยงานที่ทุกคนอยากทำงาน ซึ่งมีผลพลอยทำให้เป็นหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพของทุกคน ด้วยการสร้างความสนุกสนานในสิ่งที่ทุกคนต้องทำ
ข้อมูลบางส่วนจากบทความของ อ.วรากรณ์ สามโกเศศ
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะคะ
ตอนนี้กำลังเรียนเกี่ยวกับเรื่อง Fish พอดีเลยค่ะ
เลยมาหาข้อมูลเพิ่ม ขอบคุณจริงๆค่ะ ^^
ผมมีบทสรุปหนังสือเล่มนี้อยู่ หากต้องการก็แจ้งได้นะครับ จะได้แบ่งกันไปอ่าน
ฺBoysicky
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ กำลังศึกษาเรื่องนี้อยุ่เรยย
คือว่าอยากได้บทสรุปเหมือนกัน อ่า
รบกวนส่งเมล์ให้หน่อยได้ไหมค่ะ
ส่งไปให้เรียบร้อยแล้วนะครับ
หนูขอบทสรุปไปอ่านหน่อยนะคะ
ขอบทสรุปด้วยคนค่ะ มีประโยชน์มาก ๆ
ส่งไปให้แล้วนะครับ
ขอบคุณมากครับผม ผมขอด้วยคนครับ
kisstherain072@hotmail.com ^^
ส่งไปให้แล้วนะครับ
ขอด้วยได้มั้ยครับ รบกวนด้วยครับ
rueangborom@gmail.com